Last updated: 16 พ.ย. 2567 | 2774 จำนวนผู้เข้าชม |
I-Ching
อี้จิง
ทุกคำถาม...มีคำตอบ
I Ching หรือ The Book of Changes เป็นตำราทำนายที่เก่าแก่ที่สุดเล่มหนึ่งของจีน มีประวัติยาวนานกว่า 3,000 ปี ซึ่งเน้นถึงหลักการของการเปลี่ยนแปลงและความสมดุลของธรรมชาติ มีชื่อเรียกในอดีตว่า โจวอี้ (Zhou Yi) หรือ "การเปลี่ยนแปลงของโจว" ซึ่งชื่อมาจาก ราชวงศ์โจว (Chou Dynasty) ที่ถือกันว่าเป็นช่วงเวลาที่หนังสือเล่มนี้ถูกพัฒนาเป็นระบบที่สมบูรณ์
ประวัติและที่มา
I Ching เริ่มต้นจากวิธีการทำนายโบราณที่อาจมีมาตั้งแต่ ราชวงศ์ซาง (Shang Dynasty) (ประมาณ 1600-1046 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งเป็นวิธีการทำนายโดยใช้กระดองเต่าหรือกระดูกสัตว์ เมื่อถึงยุคราชวงศ์โจว (ประมาณ 1046-256 ปีก่อนคริสตกาล) ตำรานี้ได้ถูกปรับปรุงจนเป็นรูปแบบที่เรารู้จักในปัจจุบัน และมีการสร้างระบบสัญลักษณ์ไตรแกรมและเฮ็กซะแกรมเพื่อให้ใช้ในการทำนายได้อย่างครอบคลุมทุกสถานการณ์ในชีวิต
ราชวงศ์โจวเชื่อว่าจักรวาลอยู่ในสภาวะที่เคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หยินและหยางเป็นพลังหลักที่กำหนดการเปลี่ยนแปลงนี้ การทำนายด้วย I Ching จึงไม่ใช่เพียงการบอกเหตุการณ์ในอนาคต แต่เป็นการสะท้อนถึงภาวะที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
การพัฒนาของเนื้อหา
ไตรแกรม (Trigrams) และ เฮ็กซะแกรม (Hexagrams) ได้ถูกกำหนดและใช้งานใน I Ching โดยการสร้างรูปแบบการทำนายที่มีความละเอียดถึง 64 เฮ็กซะแกรม แต่ละเฮ็กซะแกรมมีบทที่บรรยายถึงสถานการณ์และคำแนะนำในการจัดการกับสถานการณ์นั้น ๆ ระบบนี้เป็นการใช้เส้นทึบ (หยาง) และเส้นขาด (หยิน) ผสมผสานเพื่อสื่อถึงสถานการณ์ที่หลากหลายในธรรมชาติและชีวิตมนุษย์
I Ching ไม่ได้เป็นเพียงตำราทำนายดวงชะตา แต่ยังเป็นปรัชญาที่สะท้อนถึงการใช้ชีวิตอย่างสมดุลและการเข้าใจความเป็นไปในธรรมชาติ
เราจะสามารถเห็นการจดบันถึกได้ในกระดองเต่า เจี่ยกู่เหวิน (甲骨文) ซึ่งเราจะพบเห็นได้ตั้งแต่ราชวงศ์ซางในช่วงศตวรรษที่ 16 ก่อนคริสต์ศักราช หรือ ประมาณเมื่อ 3พันปีที่แล้ว ลักษณะที่พบ คือ จะมีการบันทึกอักษรทั้ง คำถาม-คำตอบ ไว้บนกระดองเต่า พร้อมกับสัญลักษณ์อี้จิง คำอ่านอย่างชัดเจน
สำหรับคนที่ศึกษารากฐานวิชาฮวงจุ้ย การเข้าถึงอี้จิงจะเข้าใจการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเชิงปรัชญาของ หลักการพื้นฐานตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่ากิจกรรมทั้งหมดในโลก เป็นผลมาจากปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
หยินและหยาง: ขั้วตรงข้ามในจักรวาลวิทยาจีนโบราณ
ใน อี้จิง (I Ching) ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีที่สิ้นสุดในจักรวาลนั้นเกิดจาก พลวัตระหว่างหยินและหยาง ซึ่งเป็นพลังที่ตรงข้ามกันในปรัชญาจีนโบราณ
หยาง (Yang) หมายถึงสวรรค์ ในขณะที่ หยิน (Yin) หมายถึงโลก พลังทั้งสองนี้สะท้อนถึงแง่มุมต่าง ๆ ของธรรมชาติ เช่น แสงและความมืด ความอบอุ่นและความเย็น หรือกิจกรรมและความสงบ
สิ่งใด ๆ ในจักรวาลล้วนประกอบด้วยพลังตรงข้ามเหล่านี้ในระดับต่าง ๆ ซึ่งการสมดุลหรือความไม่สมดุลระหว่างหยินและหยางจะเป็นตัวกำหนดลักษณะและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งนั้น
ต้นกำเนิดแนวคิดหยินและหยาง
เดิมทีคำว่า หยิน และ หยาง หมายถึง ด้านมืดและด้านสว่าง ของสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ ตัวอย่างที่เข้าใจง่ายคือ ลำต้นของต้นไม้:
ด้านที่หันไปทางทิศใต้ ได้รับแสงแดดมากที่สุด เป็นตัวแทนของ หยาง (ด้านสว่าง, พลังงานที่แสดงออก)
ด้านที่หันไปทางทิศเหนือ อยู่ในร่มเงาและไม่ค่อยได้รับแสงแดด เป็นตัวแทนของ หยิน (ด้านมืด, พลังงานที่สงบนิ่ง)
นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดเกี่ยวกับ ขั้วตรงข้ามในธรรมชาติ ที่ปราชญ์จีนในยุคโบราณสังเกตและพัฒนามาเป็นปรัชญาหยินหยาง
การประยุกต์ใช้แนวคิดหยินหยาง
แนวคิดหยินหยางไม่ใช่เพียงแค่การแบ่งขั้วของธรรมชาติ แต่ยังแสดงถึงความสัมพันธ์และการไหลเวียนของพลังงาน:
ความสมดุล: หากหยินและหยางสมดุลกัน สิ่งต่าง ๆ จะดำเนินไปด้วยความกลมกลืน เช่น ฤดูกาลที่เปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น สุขภาพของมนุษย์ที่มั่นคง หรือความสัมพันธ์ที่สงบสุข
ความไม่สมดุล: หากมีพลังอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป ความไม่สมดุลจะเกิดขึ้น เช่น หากหยางมากเกินไป อาจนำไปสู่ความเครียดหรือความร้อน หากหยินมากเกินไป อาจเกิดความเฉื่อยชาหรือความหนาวเย็น
การเปลี่ยนแปลงที่ต่อเนื่อง: หยินและหยางไม่เคยหยุดนิ่ง เมื่อใดที่พลังอย่างหนึ่งถึงจุดสูงสุด มันจะเริ่มลดลงและเปิดทางให้พลังอีกข้างหนึ่งเข้ามาแทนที่ เช่น กลางวันเปลี่ยนเป็นกลางคืน ฤดูร้อนเปลี่ยนเป็นฤดูหนาว
หยินหยางในมุมมองของจักรวาลวิทยา
ในปรัชญาจีนโบราณ หยินและหยางไม่ได้เป็นคู่ตรงข้ามที่ต่อสู้กัน แต่เป็นคู่ที่ช่วยเสริมซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับที่เงาไม่สามารถมีอยู่ได้หากปราศจากแสง หรือความร้อนที่ต้องอาศัยความเย็นเพื่อสร้างสมดุลในระบบ พลังทั้งสองนี้สะท้อนถึงธรรมชาติของจักรวาลที่มีความหลากหลายและการเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง
ปรัชญาหยินหยางในอี้จิงจึงเป็นเครื่องมือในการทำความเข้าใจและจัดการกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ผ่านการปรับสมดุลพลังงานที่ส่งผลต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
หยินและหยาง: หลักการแห่งความไม่บริสุทธิ์ และการแสดงออกผ่านสัญลักษณ์ไท่จี๋
1. หยินและหยางไม่เคยบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์
แนวคิดที่ว่า หยินและหยางไม่เคยอยู่ในสภาวะที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ คือหัวใจสำคัญของปรัชญาหยินหยาง:
ในหยางมีหยิน: แม้ในสถานการณ์ที่หยาง (ความสว่าง, พลังงาน, การเคลื่อนไหว) มีอำนาจสูงสุด ก็ยังมีองค์ประกอบของหยิน (ความมืด, ความสงบนิ่ง) แฝงอยู่ เช่น ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงยังคงมีเงาอยู่เสมอ
ในหยินมีหยาง: ในขณะเดียวกัน แม้หยินจะครอบงำ เช่น ความสงบเงียบของกลางคืน ก็ยังมีแสงดาวหรือแสงจันทร์ที่แทนหยางอยู่ในนั้น
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ลำต้นของต้นไม้:
ด้านที่หันไปทางทิศใต้ (หยาง) ได้รับแสงแดดมาก แต่ก็มีเงาที่เกิดขึ้นในบางมุม
ด้านที่หันไปทางทิศเหนือ (หยิน) แม้จะอยู่ในร่มเงา ก็ยังได้รับแสงในบางช่วงเวลา
2. ภาพหยิน-หยางที่มีชื่อเสียงที่คุณกล่าวถึง เรียกว่า ไท่จี๋ (Taiji หรือ Tai Chi) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสมดุลและการผสมผสานของหยินและหยางภายในจักรวาล ในวงกลมนี้ แบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน – สีดำและสีขาว
โดยแต่ละพื้นที่มีจุดสีตรงข้าม จุดสีขาวในพื้นที่สีดำแทนหยางในหยิน และจุดสีดำในพื้นที่สีขาวแทนหยินในหยาง แสดงให้เห็นว่าทั้งสองขั้วไม่สามารถแยกขาดจากกันได้อย่างแท้จริง แต่ยังแฝงพลังของกันและกันอยู่ภายในเสมอ นี่สะท้อนถึงการทำงานร่วมกันระหว่างสองพลังที่ดูเหมือนตรงข้าม แต่มีการเกื้อกูลและสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง
ใน อี้จิง (I Ching) ความหมายของหยินและหยางได้รับการแสดงออกในลักษณะของเส้นที่แตกต่างกัน:
เส้นทึบ ( _ ) เรียกว่าเส้นหยาง แทนถึงพลังของหยาง เป็นเส้นที่ต่อเนื่องและแข็งแรง สื่อถึงพลังแห่งการเคลื่อนไหว การขยายตัว หรือความเป็นบวก เป็นสัญลักษณ์ของพลังที่เข้มแข็งและมั่นคง
เส้นขาด ( -- ) เรียกว่าเส้นหยิน แทนถึงพลังของหยิน เป็นเส้นที่แยกออกจากกัน สื่อถึงความสงบนิ่ง การหดตัว หรือความเป็นลบ เป็นสัญลักษณ์ของความนุ่มนวลและการสงบเงียบ
เส้นทึบและเส้นขาดเหล่านี้จะถูกเรียงรวมกันเป็น กว้า (Hexagrams) ในอี้จิง ซึ่งประกอบด้วย 64 กว้า แต่ละกว้าคือการผสมผสานที่เป็นไปได้ระหว่างหยินและหยางในระดับต่างๆ เพื่อสื่อถึงสถานะต่างๆ ของการเปลี่ยนแปลงและความสมดุลในชีวิต สัญลักษณ์เหล่านี้ช่วยสะท้อนสถานการณ์ การตัดสินใจ หรือแนวโน้มที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต
สัญลักษณ์ไท่จี๋แสดงให้เห็นถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงระหว่างหยินและหยางที่ไม่หยุดนิ่ง:
ส่วนหยางจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุดที่พลังจะเปลี่ยนเป็นหยิน ในขณะเดียวกัน ส่วนหยินก็เติบโตขึ้นจนถึงจุดสูงสุดที่พลังจะเปลี่ยนเป็นหยาง การเคลื่อนไหวระหว่างหยินและหยางนี้ทำให้เกิดความสมดุลและความกลมกลืนที่ไม่สิ้นสุด
สัญลักษณ์ไท่จี๋เป็นการแสดงให้เห็นถึง ธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในจักรวาล ซึ่งไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป ทุกสิ่งต้องผ่านการเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลง
3. ไตรแกรมในอี้จิง (The Eight Trigrams) ไตรแกรม (Trigrams) เป็นการรวมกันของเส้นสามเส้น (ทึบหรือขาด) เพื่อสร้าง สัญลักษณ์พื้นฐาน 8 ตัว ที่แสดงถึงพลังธรรมชาติ:
ไตรแกรม (Trigrams) แปดอัน หรือที่เรียกว่า ปากว้า (Ba Gua) เป็นพื้นฐานสำคัญของอี้จิง ซึ่งประกอบไปด้วยสามบรรทัด (เรียกว่า เส้นกว้า) แต่ละเส้นเป็นตัวแทนของหยินหรือหยาง โดยมีเส้นทึบ (หยาง) และเส้นขาด (หยิน) ไตรแกรมเหล่านี้เมื่อรวมกันเป็นคู่ก็จะสร้างเป็น เฮ็กซะแกรม 64 อัน ที่ใช้ในการทำนายและทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ในจักรวาล
รายละเอียดของไตรแกรมแปดอันและความหมาย
ไตรแกรมแต่ละอันมีความหมายเฉพาะและเป็นตัวแทนของธาตุต่าง ๆ ในธรรมชาติ สถานการณ์ และคุณลักษณะบางอย่างที่สัมพันธ์กับหยินและหยาง ซึ่งได้แก่:
乾 (Qián) - สวรรค์
เส้นทั้งหมดเป็นเส้นทึบ (หยางทั้งหมด) ซึ่งสื่อถึงพลังงานแห่งการสร้างสรรค์ ความเป็นผู้นำ การขยายตัว และความเข้มแข็ง
ตัวแทนของสวรรค์ พลังอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นแหล่งกำเนิดของการเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดยั้ง
坤 (Kūn) - โลก
เส้นทั้งหมดเป็นเส้นขาด (หยินทั้งหมด) แทนพลังงานของการรองรับ การเอื้ออำนวย ความอ่อนโยน และความมั่นคง
ตัวแทนของโลก เป็นแหล่งพลังที่สงบเสงี่ยมและเสถียร ให้การสนับสนุนแก่การเติบโตและการพัฒนาของสิ่งอื่น
震 (Zhèn) - สายฟ้า/อัสนีบาต
มีเส้นหยางเพียงเส้นเดียวอยู่ด้านล่าง สองเส้นบนเป็นหยิน สื่อถึงพลังแห่งการเคลื่อนไหวฉับพลันและการเริ่มต้น
ตัวแทนของสายฟ้า พลังที่สามารถปลุกสิ่งต่าง ๆ ให้ตื่นตัวและเปลี่ยนแปลง
巽 (Xùn) - ลม
มีเส้นหยินด้านล่าง เส้นหยางด้านบน สื่อถึงพลังงานที่เคลื่อนไปอย่างนุ่มนวลและแทรกซึม
ตัวแทนของลม ซึ่งเคลื่อนไหวอย่างยืดหยุ่นและสามารถผ่านเข้าไปได้ในทุกที่ แม้เป็นพลังที่อ่อนนุ่มแต่ก็มีอิทธิพลสูง
坎 (Kǎn) - น้ำ
เส้นหยางกลางมีหยินล้อมรอบ สื่อถึงความลึกซึ้ง ความซับซ้อน และความไม่แน่นอน
ตัวแทนของน้ำ ซึ่งสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามภาชนะที่บรรจุ เป็นสัญลักษณ์ของอารมณ์และความไม่คงทนของชีวิต
離 (Lí) - ไฟ
เส้นหยินกลางมีหยางล้อมรอบ แทนพลังแห่งการมองเห็น การส่องสว่าง และการเผยแผ่
ตัวแทนของไฟ ส่องสว่างและให้ความอบอุ่น แต่ก็มีความเสี่ยงในการถูกทำลายเช่นกัน
艮 (Gèn) - ภูเขา
เส้นหยางด้านบนมีหยินล่างสองเส้น สื่อถึงความมั่นคง การหยุดพัก และการทำให้สงบ
ตัวแทนของภูเขา มีความนิ่งสงบและเป็นที่สำหรับการพักฟื้น เป็นสัญลักษณ์ของการหยุดพักและการหันกลับไปคิดทบทวน
兌 (Duì) - ทะเลสาบ
เส้นหยางด้านล่างสองเส้นมีหยินอยู่บนสุด สื่อถึงความสุข ความยืดหยุ่น และการสื่อสาร
ตัวแทนของทะเลสาบหรือบ่อน้ำ เป็นสัญลักษณ์ของความเบิกบานและการเชื่อมต่อกับผู้อื่น
4. การสร้างเฮ็กซะแกรม (Hexagrams) เฮ็กซะแกรม เป็นการรวมกันของ ไตรแกรมสองอัน (บนและล่าง) เพื่อสร้าง รูปแบบ 64 แบบ ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงในจักรวาล:
ไตรแกรมล่าง: ตัวแทนของสภาวะภายในหรือจุดเริ่มต้น
ไตรแกรมบน: ตัวแทนของสภาวะภายนอกหรือผลลัพธ์
ตัวอย่าง:
乾 (สวรรค์) บน + 坤 (โลก) ล่าง: เฮ็กซะแกรมนี้หมายถึงการผสมผสานของพลังสร้างสรรค์และการรองรับ เป็นสัญลักษณ์ของความสมดุลที่สมบูรณ์
離 (ไฟ) บน + 坎 (น้ำ) ล่าง: เฮ็กซะแกรมนี้แสดงถึงการเผชิญหน้าระหว่างพลังตรงข้าม สื่อถึงการขัดแย้งที่สามารถนำไปสู่ความสำเร็จ
I-Ching ประกอบด้วย 64 hexagrams ซึ่งเป็นไดอะแกรมที่ประกอบด้วยเส้นเต็มหรือเส้นขาดหกเส้น แต่ละเส้นกำหนดความหมายเฉพาะของมัน ซึ่งประกอบด้วยเส้น เส้นขีดเต็ม แทน หยาง และเส้นขีดขาด แทนหยิน วางเรียงจากเส้นล่างสุด ไปยัง บนสุด แต่ละเส้นกำหนดความหมายเฉพาะของมัน
การรวมกันเป็นเฮ็กซะแกรม 64 อัน
เมื่อไตรแกรมทั้งแปดถูกจัดเรียงกันเป็นคู่ จะเกิดเป็น เฮ็กซะแกรม 64 รูปแบบ แต่ละรูปแบบสื่อถึงสถานการณ์หรือภาวะที่เฉพาะเจาะจงในธรรมชาติและชีวิตมนุษย์ โดยมีการผสมผสานของหยินหยางในลักษณะต่าง ๆ เพื่ออธิบายถึงความเป็นไปได้และแนวโน้มในแต่ละช่วงของชีวิต
โดยพื้นฐานแล้วI Chingเป็นระบบที่ใช้ในการทำนายอนาคตมาโดยตลอด นั่นคือช่วยเมื่อคุณต้องตัดสินใจหรือคาดการณ์บางอย่างในอนาคต
รายการเฮ็กซะแกรม 64 อันตามลำดับแบบดั้งเดิม
(แต่ละเฮ็กซะแกรมประกอบด้วยชื่อ หมายเลข และความหมายหลัก)
乾 (Qián) – ความแข็งแกร่ง, สวรรค์
坤 (Kūn) – ความอ่อนโยน, โลก
屯 (Zhūn) – ความยากลำบากในการเริ่มต้น
蒙 (Méng) – การศึกษา, พัฒนา
需 (Xū) – การรอคอย, ความอดทน
訟 (Sòng) – ความขัดแย้ง, ข้อพิพาท
師 (Shī) – กองทัพ, การรวมพลัง
比 (Bǐ) – ความใกล้ชิด, การสนับสนุน
小畜 (Xiǎo Chù) – การควบคุมเล็กน้อย
履 (Lǚ) – การเดินทาง, การดำเนินชีวิต
泰 (Tài) – ความสงบสุข
否 (Pǐ) – ความไม่สอดคล้อง
同人 (Tóng Rén) – มิตรภาพ
大有 (Dà Yǒu) – ความมั่งคั่งยิ่งใหญ่
謙 (Qiān) – ความถ่อมตน
豫 (Yù) – การเตรียมพร้อม
隨 (Suí) – การปฏิบัติตาม
蠱 (Gǔ) – การเปลี่ยนแปลงเชิงการบำรุง
臨 (Lín) – การควบคุม, ความเอาใจใส่
觀 (Guān) – การเฝ้าดู, การไตร่ตรอง
噬嗑 (Shì Kè) – การสั่งสอน
賁 (Bì) – ความสวยงาม
剝 (Bō) – การแตกออก
復 (Fù) – การฟื้นฟู
無妄 (Wú Wàng) – การไร้ความคาดหวัง
大畜 (Dà Chù) – การสะสมอย่างยิ่งใหญ่
頤 (Yí) – การดูแล, การให้อาหาร
大過 (Dà Guò) – การข้ามขอบเขต
坎 (Kǎn) – น้ำ, ความไม่แน่นอน
離 (Lí) – ไฟ, ความสว่าง
咸 (Xián) – การร่วมมือ
恒 (Héng) – การคงที่, ความยั่งยืน
遯 (Dùn) – การหลบหลีก
大壯 (Dà Zhuàng) – พลังอันใหญ่หลวง
晉 (Jìn) – ความเจริญรุ่งเรือง
明夷 (Míng Yí) – ความปิดบัง, การเผชิญอุปสรรค
家人 (Jiā Rén) – ครอบครัว
睽 (Kuí) – ความขัดแย้ง
蹇 (Jiǎn) – ความยากลำบาก
解 (Xiè) – การปล่อย, การแก้ไข
損 (Sǔn) – การลดทอน
益 (Yì) – การเพิ่มพูน
夬 (Guài) – ความมุ่งมั่น
姤 (Gòu) – การพบเจอ
萃 (Cuì) – การรวมกัน
升 (Shēng) – การยกขึ้น
困 (Kùn) – ความคับขัน
井 (Jǐng) – น้ำพุ, การบำรุง
革 (Gé) – การปฏิวัติ
鼎 (Dǐng) – ความเสถียร
震 (Zhèn) – สายฟ้า, ความหวั่นไหว
艮 (Gèn) – ภูเขา, การหยุด
漸 (Jiàn) – การก้าวหน้า
歸妹 (Guī Mèi) – การแต่งงาน
豐 (Fēng) – ความอุดมสมบูรณ์
旅 (Lǚ) – การเดินทาง
巽 (Xùn) – ลม, การแทรกซึม
兌 (Duì) – ทะเลสาบ, ความพึงพอใจ
渙 (Huàn) – การกระจาย
節 (Jié) – การกำหนดขอบเขต
中孚 (Zhōng Fú) – ความจริงใจ
小過 (Xiǎo Guò) – การก้าวล้ำเล็กน้อย
既濟 (Jì Jì) – การสำเร็จลุล่วง
未濟 (Wèi Jì) – การไม่สำเร็จ
แต่ละเฮ็กซะแกรมไม่เพียงมีชื่อและความหมาย แต่ยังมีข้อความทำนายที่อธิบายถึงแนวทางและวิธีการที่ควรปฏิบัติเพื่อให้เกิดความสมดุล
สำหรับ wealthdecor ผมซินแสธรรมรัตน์ ได้ใช้ I Ching เป็นหลักในกระบวนการวิเคราะห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างรวดเร็ว เช่น มีโชคพลิกผันอย่างกะทันหันหรืออาชีพการงานของคุณมีปัญหา ต้องการแก้ปัญหาทันที
โดยใช้อี้จิงเพื่ออ่านดวงบุคคลและบ้าน I ching จะทำให้เข้าใจปัญหาได้อย่างชัดเจน เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง เมื่อการรักษาหรือการเยียวยาด้วยหลักฮวงจุ้ยทั่วไปทำงานไม่ได้ผล อี้จิงจะช่วยในการวิเคราะห์ปัญหาพลังงานที่ซ่อนอยู่และไม่สามารถแก้ได้ด้วยวิธีการฮวงจุ้ยมาตรฐานทั่วไป
I Ching ช่วยผมอย่างมากในการค้นหาปัญหา ที่ปิดกั้นพลังงานชี่ไม่ให้ไหลอย่างอิสระทั่วบ้านหรือที่ทำงานของคุณ
สรุปได้ว่าอี้จิงและฮวงจุ้ยมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกัน ทั้งสองวิชาเป็นส่วนหนึ่งของภูมิปัญญาจีนโบราณที่เน้นการสร้างความสมดุลและความสอดคล้องกับพลังงานของธรรมชาติและจักรวาล
อี้จิงและฮวงจุ้ยทั้งสองวิชาต่างก็ใช้หลักการของพลังงานและความสมดุลในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี อี้จิงสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พลังงานในฮวงจุ้ยหรือช่วยในการตัดสินใจในการจัดพื้นที่ โดยสรุปอี้จิงและฮวงจุ้ยมีความสัมพันธ์กัน 3 ส่วนคือ
พื้นฐานความเชื่อเดียวกัน: ทั้งอี้จิงและฮวงจุ้ยตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดเรื่องพลังงาน "ชี่" (Chi) และพลังงานหยิน(เพศหญิง) และหยาง (เพศชาย) พลังหยินและหยางรวมกันสร้างความสมดุล วิชาอี้จิงสามารถช่วยค้นหาวิธีคืนความสมดุลระหว่างพลังงานหยินและหยางในบ้านหรือที่ทำงานและสามารถสร้างการฟื้นฟูส่วนบุคคล
การประยุกต์ใช้ในฮวงจุ้ย: ในการจัดบ้านหรือพื้นที่ตามหลักฮวงจุ้ย บางครั้งจะใช้หลักการจากอี้จิงในการวิเคราะห์พลังงานของพื้นที่ หรือเลือกใช้ข่วย (รูปแบบ) ที่สอดคล้องกับพลังงานที่ต้องการส่งเสริมในพื้นที่นั้น
การพยากรณ์และการปรับเปลี่ยน: อี้จิงสามารถใช้ในการพยากรณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต ซึ่งสามารถนำผลลัพธ์นั้นมาใช้ร่วมกับฮวงจุ้ยในการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเพื่อเสริมพลังงานที่ดีและลดพลังงานที่ไม่ดี
อี้จิงและฮวงจุ้ยเป็นวิชาที่ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้บุคคลสามารถใช้พลังงานในธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความสุขและความสำเร็จในชีวิต อ่านต่อ
อี้จิงพยากรณ์/การทำนาย
อี้จิงพยากรณ์คือการใช้รูปแบบจากอี้จิงเพื่อทำนายหรือให้คำแนะนำในการตัดสินใจที่สำคัญในชีวิต
อี้จิงที่ใช้ในไพ่พยากรณ์คือการนำหลักการและรูปแบบจากอี้จิงมาปรับใช้ในรูปแบบของไพ่เพื่อใช้ในการทำนายและให้คำแนะนำ ไพ่พยากรณ์อี้จิงจะแสดงถึงกว้าหรือข่วย (รูปแบบ) ต่าง ๆ ของอี้จิง ซึ่งมีทั้งหมด 64 ข่วย แต่ละข่วยมีความหมายเฉพาะตัวและสามารถตีความได้หลากหลายมิติขึ้นอยู่กับบริบทของคำถามและสถานการณ์
เมื่อใช้ในการพยากรณ์ จะมีการเลือกไพ่เพื่อสุ่มหาข่วย จากนั้นจะนำความหมายของข่วยมาช่วยในการตัดสินใจหรือพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต อี้จิงเป็นการเชื่อมต่อกับพลังธรรมชาติและจักรวาลเพื่อค้นหาคำตอบในชีวิตประจำวัน
การใช้ไพ่พยากรณ์อี้จิงคล้ายกับการใช้ไพ่ทาโรต์ (Tarot) แต่มีพื้นฐานจากปรัชญาและภูมิปัญญาจีนโบราณ เมื่อต้องการพยากรณ์ ผู้ใช้งานจะเลือกไพ่จากสำรับที่สุ่มขึ้นมา และนำข่วยบนไพ่มาตีความเพื่อตอบคำถามหรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ผู้พยากรณ์ต้องการรู้
ไพ่พยากรณ์อี้จิงเป็นการนำหลักการของอี้จิงมาปรับใช้ในรูปแบบของไพ่เพื่อให้สะดวกในการพยากรณ์และตีความเพื่อตอบคำถามในชีวิตประจำวัน
สำหรับคนที่ศึกษาวิชาฮวงจุ้ย การศึกษาอี้จิง เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับการใช้เข็มทิศจีน การคำนวนดาวเหิร จุดสำคัญ รวมไปถึงจุดปัญหาเพราะเมื่อเห็นพลังงานเปลี่ยนก็สามารถอ่านโชคปัจจุบันและอนาคตได้
สำหรับคนทั่วไป ที่สนใจวิชาพยากรณ์ การใช้ไพ่อี้จิงที่มีตำราอ้างอิงถูกต้อง จะมีวิธีการอ่านที่ชัดเจน ไม่ต้องคาดเดา มีความแม่นยำ เนื่องจากอยู่บนพื้นฐานของพลังงานจริง มีการระบุตามหลักหยิน-หยาง เชื่อมโยงเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง
ไพ่อี้จิง ใบที่ 1 ความคิดสร้างสรรค์ขั้นสูงสุด
乾 (Qián) – ความแข็งแกร่ง, สวรรค์ เป็นเฮ็กซะแกรมตัวแรกในคัมภีร์ I Ching ซึ่งประกอบด้วย เส้นทึบทั้งหกเส้น (หยางล้วน) แสดงถึงพลังแห่งการสร้างสรรค์ ความเข้มแข็ง และการเริ่มต้นใหม่ เป็นตัวแทนของ สวรรค์ (Heaven) หรือ ท้องฟ้า ซึ่งมีพลังที่ขับเคลื่อนทุกสิ่งในจักรวาล
ลักษณะของเฮ็กซะแกรม Qián
องค์ประกอบ: เส้นทึบทั้งหกแสดงถึง พลังหยาง ที่บริสุทธิ์ แข็งแกร่ง และมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
สัญลักษณ์: แทนพลังสร้างสรรค์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด และศักยภาพที่เปิดกว้าง
ความหมายเชิงธรรมชาติ: Qián สะท้อนถึงพลังแห่งท้องฟ้าที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ เช่น แสงอาทิตย์ที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิต พลังแห่งการเริ่มต้นใหม่ หรือการสร้างสรรค์ในทุกด้าน
ความหมายเชิงลึกในบริบทการทำนาย
พลังแห่งการเริ่มต้น: Qián แสดงถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การริเริ่มสิ่งใหม่ การแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ และการสร้างโอกาสใหม่ ๆ
ความก้าวหน้าและศักยภาพ: เฮ็กซะแกรมนี้สะท้อนถึงพลังงานที่ผลักดันให้เกิดการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นด้านงาน การเรียน หรือชีวิตส่วนตัว
ความไม่หยุดยั้ง: Qián มีลักษณะเป็นพลังที่ไม่หยุดนิ่ง สื่อถึงความพยายาม ความกล้าหาญ และการก้าวข้ามอุปสรรค
ข้อแนะนำจากเฮ็กซะแกรม Qián
ใช้พลังอย่างสร้างสรรค์:
ช่วงเวลานี้เหมาะกับการเริ่มต้นโปรเจกต์ใหม่ ๆ การตัดสินใจครั้งใหญ่ หรือการพัฒนาตนเอง
แสดงถึงการนำศักยภาพที่มีมาใช้เพื่อสร้างสิ่งใหม่ในชีวิต
ความยืดหยุ่นและการปรับตัว:
แม้ว่าพลังหยางใน Qián จะเน้นที่ความเข้มแข็งและการผลักดัน แต่การยืดหยุ่นและเปิดรับความคิดเห็นจากผู้อื่นจะช่วยเสริมให้ความสำเร็จยั่งยืน
หลีกเลี่ยงความแข็งกร้าวหรือดื้อรั้นที่อาจเกิดจากการใช้พลังที่มากเกินไป
มุ่งสู่เป้าหมายด้วยความมั่นใจ:
Qián สื่อถึงความมั่นใจและการเคลื่อนไหวไปข้างหน้า โดยแนะนำให้มุ่งมั่นสู่เป้าหมายที่ชัดเจน
การมีวิสัยทัศน์และความชัดเจนในแผนจะช่วยให้พลังงานของ Qián ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
คำเตือนจาก Qián
พลังมากเกินไปอาจนำไปสู่ความไม่สมดุล: หากใช้พลังหยางมากเกินไป อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง หรือการทำลายความสัมพันธ์ในระยะยาว
ความยืดหยุ่นจำเป็นสำหรับความสำเร็จ: แม้ Qián จะเน้นการก้าวไปข้างหน้า แต่ควรพิจารณาสถานการณ์รอบด้าน และพร้อมปรับตัวเมื่อเผชิญอุปสรรค
ความเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ
Qián เป็นสัญลักษณ์ของ ฤดูใบไม้ผลิ หรือการเริ่มต้นใหม่ในธรรมชาติ เช่น การงอกเงยของพืชหรือการตื่นของชีวิตหลังฤดูหนาว เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความหวังและศักยภาพ เช่นเดียวกับการเริ่มต้นวัฏจักรใหม่ของชีวิต
ตัวอย่างในชีวิตจริง
ด้านการงาน: หากคุณกำลังพิจารณาเริ่มต้นธุรกิจใหม่ เฮ็กซะแกรม Qián แนะนำให้ลงมือทำด้วยความมั่นใจและความมุ่งมั่น
ด้านความสัมพันธ์: เป็นเวลาที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ หรือกระชับความสัมพันธ์ที่มีอยู่ โดยใช้ความจริงใจและการสร้างความไว้วางใจ
ด้านส่วนตัว: Qián สนับสนุนให้คุณพัฒนาตนเอง หรือเริ่มต้นเส้นทางใหม่ เช่น การเรียนรู้ทักษะใหม่ การเดินทาง หรือการพัฒนาร่างกายและจิตใจ
เปรียบเทียบพลังของ Qián กับชีวิตประจำวัน
Qián เปรียบได้กับดวงอาทิตย์ยามเช้า ที่ให้พลังงานและความกระตือรือร้นสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุด หากคุณเข้าใจพลังนี้และใช้มันอย่างมีสติ คุณจะสามารถสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตได้ อ่านต่อ
ไพ่อี้จิงใบที่ 2 พลังของแผ่นดิน พลังแห่งความอ่อนน้อม
ไพ่อี้จิงใบที่ 2 หรือ กว้าที่ 2 (Hexagram 2) มีชื่อว่า "คุน" (Kūn) ซึ่งแปลว่า "แผ่นดิน" หรือ "การรับและความสงบเสงี่ยม" (The Receptive).
ลักษณะพื้นฐานของกว้าที่ 2: คุน
องค์ประกอบของเฮ็กซะแกรม:
เฮ็กซะแกรมนี้ประกอบด้วย เส้นขาดทั้งหก (หยินล้วน) แสดงถึงพลังหยินบริสุทธิ์ พลังงานที่สงบนิ่ง ยอมรับ และรองรับ
พลังหยินล้วน:
เป็นตัวแทนของ แผ่นดิน ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุน รองรับพลังจากสวรรค์ (Qián) และสร้างพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต
คุน แสดงถึงบทบาทที่สำคัญของการรองรับในจักรวาล เช่นเดียวกับแผ่นดินที่ให้ความมั่นคงและสนับสนุนทุกสิ่งที่เติบโตขึ้นมาบนพื้นผิวของมัน
ความหมายเชิงสัญลักษณ์ของคุน
1. พลังแห่งแผ่นดิน
แผ่นดินในที่นี้หมายถึงพลังที่คงอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งไม่แสดงออกอย่างเด่นชัดเหมือนฟ้า (Qián) แต่เป็นรากฐานที่สำคัญ เช่น:
การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
การรองรับและสนับสนุนพลังงานของสิ่งอื่น ๆ
การสงบนิ่งและไม่แข่งขัน
2. ความอ่อนน้อมและการยอมรับ
คุนเป็นตัวแทนของความอ่อนน้อมถ่อมตน ความสามารถในการเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ โดยไม่ตัดสิน และการฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจ
3. การสร้างรากฐาน
พลังหยินของคุนเหมาะสำหรับการวางแผนและสร้างความมั่นคงในระยะยาว เป็นช่วงเวลาของการเตรียมความพร้อมโดยไม่ต้องเร่งรีบ
4. ความสมดุลของหยินและหยาง
ในบริบทของจักรวาลวิทยาจีน คุนเป็นพลังหยินที่สมดุลและเติมเต็มพลังหยางของ Qián (เฉียน) ทั้งสองไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากกัน
ความหมายของคุนในบริบทต่าง ๆ
1. เชิงธรรมชาติ
คุนแสดงถึงบทบาทของแผ่นดินในการสนับสนุนทุกชีวิต:
พื้นดินรองรับน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำและทะเล
ดินช่วยให้พืชเติบโตและหล่อเลี้ยงสัตว์
แม้ดูเหมือนไม่มีการเคลื่อนไหว แต่แผ่นดินยังคงทำหน้าที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง
2. เชิงจิตวิทยา
คุนสะท้อนถึงสภาพจิตใจที่สงบ การเปิดใจเพื่อเรียนรู้และรับฟัง:
ช่วงเวลานี้เหมาะแก่การพิจารณาและไตร่ตรอง
การปรับตัวตามสถานการณ์ และการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้านทาน
3. เชิงความสัมพันธ์
ในความสัมพันธ์ คุนแสดงถึงบทบาทของผู้ที่คอยสนับสนุน:
การให้กำลังใจและความช่วยเหลือโดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน
การฟังมากกว่าพูด และการยอมรับในความแตกต่างของผู้อื่น
4. เชิงการงาน
คุนแนะนำให้คุณมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงในงาน เช่น:
การวางแผนที่รอบคอบ
การพัฒนาทักษะที่จำเป็นเพื่อความสำเร็จในระยะยาว
คำแนะนำจากกว้าที่ 2: คุน
การยอมรับและเปิดใจ
ฟังความคิดเห็นและคำแนะนำจากผู้อื่นโดยไม่ด่วนตัดสิน
ยอมรับสถานการณ์และปรับตัวตามสิ่งที่เกิดขึ้น
การสร้างรากฐานที่มั่นคง
ใช้เวลานี้ในการวางแผนและเตรียมตัว โดยไม่ต้องเร่งรีบ
มุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงในระยะยาว
การสนับสนุนและดูแล
สนับสนุนผู้อื่นในบทบาทของ "ผู้ให้การรองรับ"
ให้กำลังใจหรือช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน
ความอ่อนน้อมและสงบนิ่ง
ใช้ความอ่อนโยนและความถ่อมตนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
หลีกเลี่ยงการแสดงออกที่แข็งกร้าวหรือต่อต้าน
ข้อควรระวังจากกว้าที่ 2: คุน
อย่าเพียงแต่รองรับโดยไม่ลงมือ
แม้ว่าคุนจะเน้นการสงบนิ่ง แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ควรพร้อมที่จะลงมือทำ
การรอคอยนานเกินไปอาจนำไปสู่ความเฉื่อยชา
ระวังการสูญเสียสมดุล
หากพลังหยินของคุนมากเกินไป อาจนำไปสู่การพึ่งพาผู้อื่นมากเกินไป
ควรเสริมพลังหยางเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้กว้าที่ 2 ในชีวิตจริง
ด้านการงาน
ใช้ช่วงเวลานี้เพื่อวางแผนธุรกิจหรือโปรเจกต์ใหม่ โดยยังไม่ต้องรีบร้อนลงมือทำ
สนับสนุนทีมงานหรือผู้ร่วมงานเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมาย
ด้านความสัมพันธ์
ฟังและยอมรับความรู้สึกของผู้อื่นโดยไม่ตัดสิน
แสดงความห่วงใยและให้การสนับสนุนในความสัมพันธ์ เช่น การช่วยเหลือคู่ชีวิตหรือเพื่อน
ด้านการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือสะสมความรู้เพื่อเตรียมตัวสำหรับโอกาสในอนาคต
เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการวางแผนในระยะยาว
กว้าที่ 2 หรือ คุน คือพลังของการรับ การสงบนิ่ง และความอ่อนน้อม เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการสร้างความมั่นคงและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต การนำพลังของคุนมาใช้ช่วยให้เรารับมือกับความท้าทายได้ด้วยความสงบ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีผ่านการสนับสนุนและการรับฟังอย่างแท้จริง อ่านต่อ
กว้าที่ 3: จุน (Zhūn)
ความยากลำบากในตอนต้น – การเริ่มต้นใหม่ที่มาพร้อมกับอุปสรรค
ลักษณะพื้นฐานของกว้าที่ 3: จุน
องค์ประกอบของเฮ็กซะแกรม:
กว้าบน: 坎 (Kǎn) – น้ำ (ตัวแทนของความลึกและความไม่แน่นอน)
กว้าล่าง: 震 (Zhèn) – สายฟ้า (ตัวแทนของการเริ่มต้นและการเคลื่อนไหว)
การรวมกันของน้ำและสายฟ้าแสดงถึงสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่เสถียร ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของกระบวนการใหม่
พลังหยินและหยาง:
เส้นหยินและหยางในกว้านี้แสดงถึงการผสมผสานระหว่างพลังของความสงบนิ่ง (น้ำ) และความเคลื่อนไหว (สายฟ้า) ที่ยังไม่ลงตัว อ่านต่อ
เวลท์เดตอร์ฝากกด Like กด Share เพื่อส่งต่อความรู้ฮวงจุ้ยดี ๆ ให้แก่คนอื่น ๆ กันนะคะ
ทางลัดสู่ชีวิตดี้ดี ด้วยศาสตร์ของฮวงจุ้ย ฮวงจุ้ย64ข่วย ฮวงจุ้ยฮิลลิ่ง ดวงจีน อี้จิงพยากรณ์ เลขศาสตร์เบอร์มงคล สอบถามเพิ่มเติมที่
Line ID : @wealthdecor
หรือโทร : 099-363-9544
20 พ.ย. 2567
21 พ.ย. 2567